วันอาทิตย์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2556

      แอบส่อง โสเภณีริมทาง
 “เหตุไฉน? สาวสก๊อยจึงขายตัว” 




ปิดตำนานผีขนุน-ผีมะขามย่านริมคลองหลอด-สนามหลวง เด็กแว้นพาแฟนสาวสก๊อยวัย 14-17 เข้ายึดครองพื้นที่ เป็น"ดอกไม้กลางเมือง"รุ่นใหม่ เบ่งบานต้อนรับหนุ่มออฟฟิศ-เฒ่าหัวงู ขับรถหรูแห่เด็ดดม สนนราคาเริ่มต้น 600 ถึง 1,000 บาท เด็กสาวเปิดใจเพื่อนๆ ชวนกันมาทำ รายได้งามเดือนละหลายหมื่น 




 สังคมเมืองเสื่อมหนักเมื่อบรรดาเด็กแว้นต่างพาแฟนสาวสก๊อยมาขายตัว เพื่อหาเงินมาเที่ยวเตร่และแต่งรถจักรยานยนต์ซิ่งเล่นเท่านั้น เวลานานกว่า 1 สัปดาห์ที่ "คม ชัด ลึก" ออกสำรวจและเฝ้าสังเกตบริเวณรอบๆ ท้องสนามหลวง ศูนย์รวมของเด็กสก๊อยที่มายืนรอขายบริการ เริ่มตั้งแต่ 5 โมงเย็นของทุกๆ วัน จะมีกลุ่มเด็กแว้นขี่รถจักรยานยนต์แต่งซิ่งมีสาวสก๊อยซ้อนท้าย ทยอยมารวมตัวกันรอบๆ สนามหลวง บริเวณ 3 จุดใหญ่ คือ หัวมุมติดสะพานปิ่นเกล้า ตรงข้ามมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และหัวมุมด้านวัดพระแก้ว  

         แต่ละจุดจะมีเด็กสก๊อยในชุดคล้ายๆ กัน สวมกางเกงยีนขาสั้นบ้างกางเกงขาสั้นลายดอก เสื้อรัดรูปแขนกุดสีสันฉูดฉาดโชว์เนินเนื้อวัยแตกสาว ทยอยออกมายืนอยู่ริมฟุตปาทกลุ่มละ 5-6 คน โดยกระจายกันอยู่เป็นแนวยาว ยิ่งเวลาผ่านไปเด็กสก๊อยต่างทยอยมาสมทบมากขึ้น ซึ่งช่วงที่มีเด็กสาวมากที่สุดตั้งแต่เที่ยงคืนไปจนถึงตีสอง จำนวนถึง 50-60 คน 

         ส่วนเด็กแว้นเองยังคงวนเวียนอยู่บริเวณใกล้เคียง บ้างรวมตัวกันอยู่ฝั่งตรงข้ามสนามหลวงด้านมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หากใครเคยผ่านไปจะสังเกตเห็นรถจักรยานยนต์แต่งซิ่งจอดเรียงรายอยู่หลายสิบ คัน เพื่อคอยเฝ้าดูแลเด็กสาวของพวกตน นานๆ ทีจะเห็นภาพรถจักรยานยนต์กว่า 20-30 คัน แตกฮือออกมาจากสองฝั่งถนนรอบสนามหลวง หมายถึงคนดูต้นทางให้สัญญาณแล้วว่ามีตำรวจสายตรวจขับผ่านมา  





         "ฟ้า" เด็กสาววัยเพียง 16 ปี เป็นหนึ่งในสก๊อยที่มาขายบริการ เธอเริ่มอาชีพนี้ครั้งแรกเมื่อ 7 เดือนก่อน โดยการชักชวนของเพื่อนๆ ในกลุ่มเด็กแว้น ฟ้าลังเลอยู่นานพอสมควร เพราะทำใจไม่ได้ที่จะต้องมาขายบริการทางเพศ แต่เนื่องจากไม่มีเงินจับจ่ายใช้สอยและเที่ยวเตร่เหมือนเพื่อนคนอื่นๆ ประกอบกับทนคำรบเร้าของแฟนหนุ่มไม่ไหว จึงจำใจมาขายบริการที่ท้องสนามหลวงตามอย่างเพื่อนๆ ในกลุ่ม 

         ฟ้าเข้ามาอยู่ในแก๊งรถจักรยานยนต์ซิ่งครั้งแรกเมื่ออายุเพียง 13 ปี เหมือนเช่นเพื่อนสาวในละแวกบ้าน ทำให้รู้จักเพื่อนผู้ชายหลายคน ตั้งแต่นั้นมาเธอกับเพื่อนๆ ก็กินเที่ยวด้วยกันมาตลอด เมื่อเพื่อนในกลุ่มเริ่มจับคู่เป็นแฟนกัน ทุกครั้งที่ฟ้าเห็นเพื่อนนั่งซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์สวยๆ แล้วเกิดความอิจฉา อยากมีอยากเป็นแบบนั้นบ้าง สุดท้ายก็มีแฟนหนุ่มเป็นตัวเป็นตน 

         นับตั้งแต่เข้ามาอยู่ในแวดวงเด็กซิ่ง ฟ้าซึมซับวัฒนธรรมในกลุ่มอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าเรื่องเซ็กส์ ยาเสพติด และการพนันแข่งรถ โดยมีเด็กสาวเป็นเดิมพัน ฟ้าบอกว่าเรื่องที่คนภายนอกมองเป็นเรื่องใหญ่ แต่ในกลุ่มเด็กซิ่งแล้วถือเป็นเรื่องธรรมดา ใครที่กล้าเอาตัวเป็นเดิมพันจะได้รับการยอมรับคนในกลุ่มชนิดว่า เจ๋งที่สุดของแก๊งเลยทีเดียว  

         "การเปลี่ยนคู่นอน แลกคู่นอนในกลุ่มเด็กแว้นถือเป็นเรื่องธรรมดามาก โดยเฉพาะตอนเมายา เงินที่พ่อแม่ให้ไม่พอใช้ ไหนจะเที่ยว ไหนจะแต่งรถ สุดท้ายทนแรงคะยั้นคะยอจากแฟนไม่ไหวก็เลยมาขายบริการที่สนามหลวง ลูกค้าส่วนใหญ่ขับรถดีๆ ทั้งนั้น ส่วนใหญ่เป็นหนุ่มออฟฟิศ คนแก่ก็มีบ้าง บางคนก็ต่อราคาบางคนก็ไปเลย" ฟ้าบอกกับ "คม ชัด ลึก" 

         เด็กสาวจะเริ่มทำงานตั้งแต่ 2 ทุ่ม ไปจนถึงตีสาม สนนราคาค่าตัว 600-1,000 บาท ไม่แน่นอนตายตัวขึ้นอยู่กับช่วงเวลาและลูกค้า หากช่วงหัวค่ำยังไม่ค่อยมีเด็กสก๊อยมากนักราคาอาจจะอยู่ที่ 800 บาท หากต้องการให้ทำออรัลเซ็กส์ด้วยต้องจ่ายเพิ่ม 200 บาท พอเริ่มดึกขึ้นมานิดเด็กเริ่มทยอยกันมาราคาก็อาจลดลงมาที่ 600 บาท หรือถ้าวันไหนไม่มีลูกค้าเลยก็อาจจะเหลือแค่ 400 บาทเท่านั้น ในจำนวนนี้ไม่รวมค่าโรงแรมหลังกระทรวงมหาดไทยหรือฝั่งธน อีก 200-450 บาท หากไม่ใช่โรงแรมที่ระบุไว้ก็จะไม่ให้บริการ 

         คืนหนึ่งๆ ฟ้าจะรับแขกแค่ 3 คน มีรายได้ตกคืนละ 2,000 บาท หากทำทุกวันเดือนหนึ่งจะมีรายได้ถึง 6 หมื่นบาท แต่ฟ้าไม่ได้ทำทุกวัน จะเลือกเฉพาะคืนที่มีลูกค้าเยอะๆ ช่วงวันศุกร์-เสาร์ หรือช่วงวันที่ 15 และ 30 ของเดือน ซึ่งเป็นวันเงินเดือนออก หรือหากเงินหมดก่อนถึงจะกลับมาทำอีก สำหรับเงินที่ได้ก็จะหมดไปกับค่าเช่าบ้าน ค่ากิน ค่าเที่ยว และที่สำคัญคือค่าแต่งรถของแฟนหนุ่ม 

         ส่วนลูกค้าที่มาใช้บริการส่วนใหญ่นั้น จากการเฝ้าสังเกตจะพบว่าเป็นกลุ่มคนมีฐานะ ขับรถหรูราคาแพงมาจอดเจรจากับเด็กสาวเหล่านี้ไม่ขาดสาย ตั้งแต่หัวค่ำไปจนเกือบรุ่งสาง เมื่อตกลงกันได้แล้วเขาและเธอก็จะขับรถตรงไปยังโรงแรม โดยมีแฟนหนุ่มขี่รถจักรยานยนต์ตามไปรอรับกลับมาขายบริการต่อ ขณะเดียวกันก็คอยดูแลความปลอดภัยหรือป้องกันการถูกเบี้ยวค่าตัว  





         การเข้ามาของเด็กสก๊อยรอบสนามหลวงส่งผลให้หญิงขายบริการที่มีอายุมากแล้ว ที่ยึดสถานที่แห่งนี้เป็นหัวหาดทำกินมานานต้องขยับขยายไปทำมาหากินอยู่หลัง คลองหลอดแทน เนื่องจากสู้ความสวยและสดไม่ไหว ขณะ เดียวกันก็จำต้องลดค่าตัวเหลือเพียง 300 บาท ซึ่ง "ใหญ่" เป็นหนึ่งในนั้น เธอถูกเด็กสก๊อยเรียกชนิดค่อนขอดว่า "ป้าใหญ่" แม้จะมีวัยแค่ 38 ปีเท่านั้น 

         "ตลอด 1 ปีที่ผ่านมา ไม่มีลูกค้ามาเรียกใช้บริการเลย เพราะเด็กรุ่นใหม่มาแย่งที่หมด ฉันและเพื่อนๆ เคยไปยืนอยู่ที่สนามหลวงก็ถูกกลุ่มเด็กแว้นไล่ทำร้ายหรือไม่ก็แกล้งแจ้ง ตำรวจมาจับ หนักๆ เข้าหญิงสาวที่อายุมากกว่า 30 ปีอย่างฉันก็จำต้องถอยออกมาจากสนามหลวง" ใหญ่กล่าว 

         พ.ต.ต.สวัสดิ์ ภักดี สว.งานสืบสวนตรวจตราและควบคุม (ชป.2) ศูนย์สวัสดิภาพเด็กเยาวชนและสตรี ยอมรับว่า มีเด็กสาววัย 14-17 ปี มายืนขายบริการทางเพศที่สนามหลวงจริง โดยมาจากพื้นที่เสื่อมโทรมหลายแห่งทั้งย่านฝั่งธน และพระประแดง จากข้อมูลที่มีเด็กสก๊อยเหล่านี้จะมีทั้งเต็มใจและไม่เต็มใจ ที่เลวร้ายที่สุดคือบางคนทำแลกกับยาเสพติด เงินที่ได้มาก็เอาไปใช้จ่ายร่วมกับแฟน บางรายก็จ้างมาเพื่อรับส่ง เรื่องนี้เป็นปัญหาเร่งด่วนที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องเร่งแก้ไข เพราะเข้าขั้นวิกฤติแล้ว ลำพังตำรวจคงแก้ไม่ได้ เนื่องจากจับกุมไม่ไหว เพราะรายได้ที่เด็กสาวได้รับมากกว่าค่าปรับเยอะ 

         "ถึงเวลาที่เราต้องปรับการทำงาน การตามจับกุมคงเสียเวลาเปล่า ค่าปรับไม่เกิน 1,000 บาท แต่ขายบริการวันหนึ่งๆ ได้มากกว่า 2,000 บาท เดือนหนึ่งรับไปหลายหมื่น" พ.ต.ต.สวัสดิ์กล่าว 

         ด้าน นายมนตรี สินทวิชัย หรือครูยุ่น เลขามูลนิธิคุ้มครองเด็ก กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นว่า สังคมไทยอยู่ในขั้นวิกฤติ ปัจจัยเรื่องเงินมีผลมากกว่าจิตใจ ทำให้หนุ่มๆ ยอมให้แฟนตัวเองถูกละเมิดเพื่อแลกกับเงิน ซึ่งไม่เคยมียุคไหนเลวร้ายเท่านี้อีกแล้ว วัยรุ่นไม่รู้สึกหวงแหนคนรัก เป็นเรื่องน่ากลัวมาก กลับกันฝ่ายหญิง ก็ไม่แคร์ที่ตัวเองตกเป็นเหยื่อ เชื่อว่าครั้งแรกเด็กสาวอาจจะกลัวและไม่กล้า แต่พอตัดสินใจทำแล้วเห็นว่าเงินได้มาง่ายก็เลยกลายเป็นความเคยชิน 

         พร้อมกันนี้ นายมนตรีได้เสนอแนวทางแก้ไข 3 ด้าน คือ ครอบครัวอย่าให้ลูกอยู่ไกลตัว ดูแลและให้ความอบอุ่นเพียงพอ เรื่องต่อมาคือระบบการศึกษา เพราะปัจจุบันการศึกษาของไทยอยู่ในขั้นล้มเหลว อย่าให้เด็กหลงใหลกับบริโภคนิยม เห็นเงินเป็นพระเจ้า โดยส่วนตัวมั่นใจว่าเด็กกลุ่มนี้ไม่ใช่เด็กเร่ร่อน มีครอบครัวที่อยู่ชัดเจน เพราะสามารถซื้อรถจักรยานยนต์ได้ สุดท้ายคือนโยบายพัฒนาประเทศ คนกำหนดนโยบายต้องการอะไรมากกว่ากัน ระหว่างความมั่งคั่งหรือความอบอุ่นในสถาบันครอบครัวและชุมชน 

         ขณะที่นางญาณี เลิศไกล ผอ.สำนักป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้าหญิงและเด็ก กรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวว่า ปัญหานี้มีมานานแล้ว พม.ได้ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ตำรวจพื้นที่และบ้านเกร็ดตระการอย่างต่อเนื่อง เรามีหน้าที่คุ้มครองเด็ก ภายหลังจากตำรวจควบคุมตัวเด็กที่ขายบริการแล้ว 

         "ปกติที่สนามหลวงจะมีหญิงมาขายบริการอยู่นานแล้วเราทราบดี ก็พยายามเอาไฟไปติดให้สว่าง หวังจะปรามคนกลุ่มนี้ แต่บังเอิญว่าช่วงนี้มีกลุ่มเด็กแว้นและเด็กสก๊อยเข้าไปมากกว่าแต่ก่อน เลยเป็นอย่างที่เห็น ทุกวันมีการส่งตัวเด็กเข้าไปบ้านเกร็ดตระการ และเรียกผู้ปกครองมารับรู้รับทราบอยู่แล้ว" นางญาณีกล่าว 

         นอกจากนี้ "คม ชัด ลึก" ยังออกสำรวจตามแหล่งอันเป็นที่รู้จักของคนเมืองว่ามีการขายบริการอีกหลาย แห่ง เช่น หลังคลองหลอด แต่เดิมมีเพียงสาวประเภทสองขายบริการให้แก่แรงงานรายได้น้อย แต่ปัจจุบันมีหญิงสาวอายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป ที่ถูกแย่งพื้นที่ทำกินย่านสนามหลวงมาจับจองพื้นที่อยู่บริเวณนี้ ราคาค่าบริการอยู่ที่ 300 บาท ส่วนสาวประเภทสองจะอยู่ที่ 150-200 บาท โดยจะไปจบลงที่โรงแรมละแวกนั้น 

         บริเวณหน้ากระทรวงกลาโหมไปจนถึงหลังกระทรวงจะมีกลุ่มเกย์กว่า 50 คน วัยตั้งแต่ 15-30 ปี รูปร่างกำยำล่ำสันมายืนรอขายบริการให้แก่สาวแก่แม่ม่ายและบรรดาชายรักชาย ทั้งหลาย สนนราคาค่อนข้างแพง 500-1,000 บาท โดยใช้โรงแรมหน้ากรุงเทพมหานครเป็นที่ให้บริการ 

         ขณะที่ หาบส้มตำหน้าหน้าสถานีรถไฟหัวลำโพงยังคงคึกคักและคราคร่ำไปด้วยแม่ค้าหน้าตา จิ้มลิ้ม พอกแป้งหน้าเตอะ ทาปากสีสด ในชุดเสื้อผ้ารัดรูปไฉไลกว่าแม่ค้าส้มตำทั่วไป มีอยู่กว่า 30 หาบ เป็นที่รู้กันดีในหมู่นักเที่ยวว่าพวกเธอมีอาชีพแฝงอะไร ราคาค่าส้มตำแต่ละครกแพงหูฉี่ 750-850 บาท แต่สำหรับบริการอย่างว่าแล้วก็ยังนับว่าถูกกว่าอีกหลายแห่ง หากหาบไหนว่างก็จะมีแม่ค้ารายใหม่สลับสับเปลี่ยนเข้าไปนั่งหน้าแป้นแล้นแทน ที่ทันที 

         ถัดมาบริเวณสวนลุมพินีแหล่งที่นักท่องราตรีรู้จักมักคุ้นกันดี ด้วยมีเด็กสาวรุ่นๆ ไปจนถึงสาวสะพรั่งมากหน้าหลายตามายืนขายบริการไม่ซ้ำหน้ากว่า 100 คน ตั้งแต่ด้านถนนพระราม 4 ไปจนถึงหลังสวน ราคา 600-1,000 บาท ที่นี่มีลูกค้าตั้งแต่ระดับกลางไปจนถึงคนมีฐานะมาใช้บริการ ปัจจุบันหญิงสาวเหล่านี้ส่วนใหญ่จะมีเอเย่นต์คอยดูแล โดยเรียกเก็บค่าหัวคิวจากพวกเธอหลังจากขับรถไปรับที่โรงแรมในซอยสวนพลู  




         ทว่าที่ไหนก็ดูเหมือนจะสู้หลังโรงแรมสยามเดิม ถนนรอคัลโรด ไม่ได้ ด้วยมีหญิงสาวหน้าตาสะสวยผิวพรรณดีมายืนรอเรียงรายอยู่แน่นขนัด หากขับรถผ่านพานให้คิดว่ามีการปิดถนนชุมนุมประท้วงกันเลยทีเดียว หญิงสาวที่นี่ส่วนใหญ่มีงานประจำอยู่ตามสถานอาบ อบ นวด หรือคาราโอเกะจากทุกสารทิศใน กทม.เมื่อเลิกงานประจำก็จะทยอยมาอยู่กันที่นี่ สนนราคามีหลากหลายตามรูปร่างหน้าตา ตั้งแต่ 1,500 ไปจนถึง 2,000 บาท ยังไม่รวมค่าโรงแรมอีก 400-500 บาท

         เมื่อพูดถึงแหล่งขายบริการจะไม่พูดถึงตำนานอย่างวงเวียน 22 ก็กระไรอยู่ ด้วยเป็นที่รู้จักและแหล่งทำกินของหญิงสาวหลากหลายวัยมาอย่างยาวนาน ส่วนใหญ่จะเป็นหญิงสาวสูงวัยเมื่อเทียบกับ 3 แห่งข้างต้น "ป้าใหญ่ คลองหลอด" อาจจะดูสาวสะพรั่งขึ้นมาถนัดตาเมื่อมาที่นี่ ด้วยหญิงสาวส่วนใหญ่วัยกว่า 40 ปีแทบทั้งสิ้น ยืนหลบอยู่ตามซอกตึก ราคา 200-300 บาท ส่วนสาวรุ่นขึ้นมาหน่อยก็จะยืนอยู่หน้าโรงแรมแสงฟ้า ราคาค่าบริการจะอยู่ที่ 600 บาท บวกค่าโรงแรมอีก 200 บาท สุดท้ายคือที่วงเวียนใหญ่ ซึ่งเริ่มเป็นที่รู้จักกันมากขึ้น เมื่อมีเด็กวัยรุ่นสาวๆ มายืนขายบริการอยู่ไม่น้อย สนนราคาอยู่ที่ 600 บาท ไม่นับรวมค่าโรงแรม



อ้างอิง : http://hilight.kapook.com/view/25009
13สถานที่ ที่สยอง ที่สุดในประเทศไทย

    
 1.สุสานโสเภณี จ.กาญจนบุรี 
     สถานบันเทิงเก่าแก่ของจังหวัดเปิดให้บริการกับผู้ชายที่มีความต้องการทางเพศได้มาใช้บริการที่แห่งนี้มีหญิงบริการถูกกักขังหน่วงเหนี่ยวถูกบังคับให้รับแขกอย่างทารุณ ไม่ได้พักผ่อน บ้างก็ถูกทำร้ายร่างกาย บ้างก็เป็นโรคร้ายจนสุดท้ายหญิงสาวทั้งหมดได้เสียชีวิตลงที่นี้อย่างมากมายจนเราเรียกได้ว่าเป็น 'สุสานโสเภณี'ซึ่งชาวบ้านบริเวณนั้นมักได้ยินเสียงผู้หญิงและเด็กร้องขอความช่วยเหลือเมื่อเช้าไปดูก็ไม่พบใครเลย
    

   
  2.บ้านผีมอญ จ.กาญจนบุรี 
     คู่สามี-ภรรยาเจ้าของบ้านเป็นคนมอญที่มีนิสัยหวงของมากจะดุด่าคนที่แอบมาขโมยผลไม้ในสวน ด้วยความที่เป็นคนหวงของและดุด่าเก่งมากจึงทำให้ ถูกฆ่าตายแล้วนำศพมาทิ้งไว้ที่ท้ายสวนวันหนึ่งมีคนเข้ามาเก็บผลไม้ในสวน แกก็ตามไปทวงถึงบ้านจนคนที่เก็บไปรีบนำมาคืนแทบไม่ทัน นอกจากจากยังมีศพชาวกะเหรี่ยง 9 ศพที่ถูกวิสามัญฝังอยู่บริเวณบ้านหลังนี้



3.บ้านผมผี จ.กาญจนบุรี 
     หญิงผู้เป็นเจ้าของบ้านตัดสินใจลาบวชด้วยความเสียใจที่คนในบ้านตายที่ละคนโดยไม่ทราบสาเหตุ หลังจากนั้นก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยปล่อยบ้านทิ้งไว้จนกลายเป็นสภาพบ้านร้างชาวบ้านบริเวณนั้นนึกว่าเจ้าของบ้านเสียชีวิตไปแล้ว จึงเข้าไปดูในบ้านปรากฏว่าเส้นผมเต็มไปหมด บางคนก็ได้ยินเสียงคนคุยกันอยู่ในบ้าน 



  4.โรงพยาบาลสยอง จ.ระยอง 
     ด้วยพิษทางเศรษฐกิจเมื่อหลายปีก่อน ทำให้โรงพยาบาลแห่งนี้ปิดกิจการลงกลายเป็นโรงพยาบาลร้างในที่สุดในเวลากลางคืนชาวบ้านมักเห็นไฟเปิดสว่างเต็มไปหมด บางคนก็เข้าไปเห็นเตียงนอนคนไข้เข็นเองได้ กลายเป็นเรื่องราวชวนสยองเลื่องลือถึงกิตติศัพท์ความน่ากลัวมาถึงปัจจุบัน



  5.สุสานศพไร้ญาติ จ.ชลบุรี 
     ศพไร้ญาติทั้งหลายเหล่านี้ถูกนำมาขุดหลุมฝัง เป็นสุสานไร้ญาตินับร้อยนับพันขุดเรียงรายกันเป็นทิวแถวยาว หลายๆคนเล่ากันว่าเป็น ฮวงซุ้ยที่นมาก



 
 6. บ้าน 4 ศพ จ.ชลบุรี 
     ครอบครัวหนึ่งประกอบด้วย พ่อ แม่ และลูก 2 คนเดินทางไปท่องเที่ยว แต่ระหว่างทางประสบอุบัติเหตุรถพลิกคว่ำเสียชีวิตทั้งหมด บ้านหลังนั้นกลายเป็นบ้านร้างแต่คนที่ผ่านไปมาเห็นเงาคนเหมือนมีคนอยู่ในบ้านอยู่เสมอ และยังเป็นที่พบศพถูกฆาตกรรมอย่างปริศนา และมีห่วงเชือกผูกเป็นปมมัดอยู่ในบ้างหลังนั้น
   
  

     7.บ้านผีนายพล จ.ชลบุรี 
     เป็นบ้านพักตากอากาศชายทะเลที่ครอบครัวนายทหารมาพักผ่อนและถูกฆาตกรรมทั้งครอบครัวศพทั้งหมดถูกยัดไว้ในห้องใต้ดินของบ้านพักต่างอากาศหลังนี้ มีคนเคยเห็นควันธูปลอยขึ้นมาในบริเวณบ้านหลังนี้ด้วย



8.บ้านผียายสรวง จ.อยุธยา 
     หญิงชราเจ้าของบ้าน ผู้ชอบกินหมาก ได้เสียชีวิตลงภายในบ้านพร้อมกับโลงศพที่พบภายในบ้านจนถึงทุกวันนี้ ผู้คนแถวนั้นยังคงได้ยินเสียงคนแก่พูด และเสียงตำหมากอยู่ทุกค่ำคืน



     9.บ้านผีท่านขุน จ.อยุธยา 
     เป็นบ้านไม้สักเก่าสมัย ร.5 หลังจากที่เจ้าของบ้านเสียชีวิตบ้านหลังนี้ก็กลายเป็นบ้านร้าง วันหนึ่งมีชาวบ้านพายเรือผ่านมาเห็นมีผู้หญิงอยู่บนเรือนแต่งชุดโบราณสมัย ร.5 เคยมีคนมาลองของที่บ้านหลังนี้ก็เจอดีกันทุกคน จนต้องมาขอขมากราบไหว้กัน



     10.บ้านผีโหด อ.บางเลน จ.นครปฐม 
     เกิดเหตุทะเลาะวิวาทฆ่ากันตาย ยิงลูกเขยเสียชีวิตลงแล้วนำศพไปทิ้งไว้ในบ่อหลังบ้าน ปัจจุบันยังคงมีคราบเลือดที่ขอบกำแพง



     11.บ้านผีตายโหง หนองจอก 
     เป็นบ้านร้างมาเกือบ 10 ปี มีการเล่ากันว่า นอกจากจะมีการฆ่ากันตายในบ้านแล้ว ยังมีผู้หญิงเข้ามาผูกคอตายในบ้านหลังนี้อีก และยังมีการนำเอาศพมาทิ้งไว้ใต้บันไดเพื่ออำพรางคดีอีกด้วย



     12.บ้านตรอมใจ หนองจอก 
     หญิงสาวเจ้าของบ้านนับถือศาสนาพุทธรับการกระทำของสามีที่นับถือศาสนาอิสลามเกี่ยวกับเรื่องผู้หญิงไม่ได้ ทั้งสองจึ่งทะเลาะวิวาทกัน ฝ่ายชายหนีออกจากบ้านไป  ฝ่ายหญิงได้แต่เฝ้ารออยู่ที่บ้านจนกระทั่งล้มป่วยเพราะตรอมใจและเสียชีวิตลงในทีสุด ชาวบ้านแถวนั้นมักได้เสียงร้องไห้คร่ำครวญของผู้หญิงเสมอ



 13.บ้านเสาตกน้ำมัน จ.ราชบุรี 
     บ้านทรงไทยที่มีเสาตกน่ำมันไหลจากข้างบนลงมาข้างล่างด้วยความที่เป็นบ้านร้างก็มีเถาตำลึงขึ้นเต็มไปหมดชาวบ้านไปเก็บปรากฏว่ามีผู้หญิงใส่ชุดไทยมายืนชี้หน้าอยู่